วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556

ทุกขนิโรธ - พระอรหันต์ 6

ทุกขนิโรธ

ทุกขนิโรธ คือ ความดับทุกข์ ดับกิเลสตัณหาได้โดยสิ้นเชิง เป็นภาวะอันปลอดจากทุกข์ เพราะไม่มีทุกข์ที่จะเกิดขึ้นได้ หมายถึงพระนิพพานอันพระอรหันต์ได้บรรลุแล้ว โดยในบทนี้จะได้นำภพภูมิต่างๆ ตั้งแต่ระดับพระอรหันต์ซึ่งปราศจากทุกข์โดยสิ้นเชิงแล้ว ลงมาจนถึงระดับของสัตว์นรก ซึ่งเป็นภพภูมิที่มีความทุกข์แสนสาหัสและสูงสุดมาแสดง เพื่อให้เกิดความเข้าใจต่อระดับของความดับทุกข์ในภพภูมิต่างๆ อันมี 12 ระดับ ดังต่อไปนี้

• พระอรหันต์ 6
• พระอนาคามี 5
• พระสกทาคามี 5
• พระโสดาบัน 3
• อรูปพรหม 4
• รูปพรหม 16
• เทวดา 6
• มนุษย์ 5
• สัตว์เดรัจฉาน 4
• อสุรกาย 3
• เปรต 21
• สัตว์นรก 23


พระอรหันต์ 6

พระอรหันต์ คือ ผู้สำเร็จธรรมวิเศษสูงสุดในพระพุทธศาสนา เป็นพระอริยบุคคลชั้นสูงสุดซึ่งได้บรรลุอรหัตตผล โดยละสังโยชน์ได้ครบทั้ง 10 ประการ ได้แก่ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามราคะ ปฏิฆะ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ และอวิชชา พระอรหันต์นั้น แบ่งเป็น 6 ประเภท ได้แก่ สุกขวิปัสสโก ปัญญาวิมุติ อุภโตภาควิมุติ เตวิชโช ฉฬภิญโญ และปฏิสัมภิทัปปัตโต

  1. สุกขวิปัสสโก คือ พระอรหันต์ผู้เจริญวิปัสสนากรรมฐานล้วนๆ สำเร็จพระอรหัตตผลโดยไม่ได้ฌานสมบัติ ไม่ได้อภิญญา เจริญปัญญาล้วนๆ จนได้บรรลุอาสวักขยญาณ (ญาณที่กำจัดอาสวะทั้งปวงให้สิ้นไป) แต่ขณะบรรลุมรรคผลนั้น จะมีสมาธิระดับปฐมฌานเป็นอย่างน้อยและจตุตถฌานเป็นอย่างมาก เข้ามาสัมปยุตโดยอัตโนมัติ
  2. ปัญญาวิมุติ คือ พระอรหันต์ผู้เจริญสมถกรรมฐานเป็นบาท แล้วเจริญวิปัสสนากรรมฐานต่อ จนสำเร็จพระอรหัตตผล โดยได้รูปฌานตั้งแต่ปฐมฌานจนถึงจตุตถฌาน ฌานใดฌานหนึ่ง แต่ไม่ได้อรูปฌาน แล้วเจริญปัญญาจนได้บรรลุอาสวักขยญาณ
  3. อุภโตภาควิมุติ คือ พระอรหันต์ผู้เจริญสมถกรรมฐานเป็นบาท แล้วเจริญวิปัสสนากรรมฐานต่อ จนสำเร็จพระอรหัตตผล โดยได้รูปฌานจนถึงจตุตถฌาน และได้อรูปฌานมีการหลุดพ้นจากอากาศบัญญัติ คืออากาสานัญจายตนะเป็นอย่างต่ำ แล้วเจริญปัญญาต่อจนได้บรรลุอาสวักขยญาณ อันอุภโตภาควิมุตินี้ มีความหมายว่าเป็นผู้หลุดพ้นทั้งสองส่วน คือหลุดพ้นจากรูปกายด้วยอรูปสมาบัติ และหลุดพ้นจากนามกายด้วยอริยมรรคอริยผล
  4. เตวิชโช คือ พระอรหันต์ผู้เป็นอุภโตภาควิมุติ และได้วิชชา 3 ประการ คือ
    1. บุพเพนิวาสานุสติญาณ (ญาณที่ทำให้ระลึกชาติในอดีตของตนได้)
    2. จุตูปปาตญาณ (ญาณที่ทำให้รู้การเกิดการตายของสัตว์โลกทั้งหลาย)
    3. อาสวักขยญาณ (ญาณที่กำจัดอาสวะทั้งปวงให้สิ้นไป)
  5. ฉฬภิญโญ คือ พระอรหันต์ผู้เป็นอุภโตภาควิมุติ และได้อภิญญา 6 ประการ คือ
    1. อิทธิวิธิญาณ (ญาณที่ทำให้แสดงฤทธิ์ต่างๆได้)
    2. ทิพโสตญาณ (ญาณที่ทำให้มีหูทิพย์)
    3. เจโตปริยญาณ (ญาณที่ทำให้กำหนดรู้ถึงจิตใจผู้อื่นได้)
    4. บุพเพนิวาสานุสติญาณ (ญาณที่ทำให้ระลึกชาติในอดีตของตนได้)
    5. ทิพจักขุญาณ (ญาณที่ทำให้มีตาทิพย์)
    6. อาสวักขยญาณ (ญาณที่กำจัดอาสวะทั้งปวงให้สิ้นไป)
  6. ปฏิสัมภิทัปปัตโต คือ พระอรหันต์ผู้เป็นอุภโตภาควิมุติ และเป็นผู้บรรลุปฏิสัมภิทา
    (ปัญญาอันแตกฉาน) 4 ประการ คือ
    1. อัตถปฏิสัมภิทา หมายถึง ญาณแตกฉานในอรรถ คือ เนื้อความ ความหมาย ความมุ่งหมาย ผลประโยชน์ของหลักธรรม สามารถที่จะอธิบายหัวข้อธรรมได้โดยพิสดาร เห็นเหตุใดๆ ก็สามารถหยั่งรู้ผล ที่บังเกิดจากเหตุนั้นๆ ได้
    2. ธัมมปฏิสัมภิทา หมายถึง ญาณแตกฉานในธรรม คือ หลักธรรม เห็นคำอธิบายโดยพิสดารก็สามารถจับใจความ มาตั้งเป็นหัวข้อธรรมหรือกระทู้ธรรมได้ 
    3. นิรุตติปฏิสัมภิทา หมายถึง ญาณแตกฉานในภาษา เช่น ภาษาไทย บาลี สันสกฤต มคธ ฯลฯ สามารถอ่าน ฟัง แปล และพูดได้ 
    4. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา หมายถึง ญาณแตกฉานในปฏิภาณ มีปรีชาไหวพริบ ในการใช้ความคิดกล่าวแก้ โต้ตอบปัญหาธรรมะ ได้โดยแยบคายและทันการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น